วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

Multiple Sclerosis

Multiple Sclerosis
           
            โรค Multiple Sclerosis หรือ โรคปลอกปลายสมองอักเสบหรือทั่วๆไปเรียกว่าโรค MS อาการที่เกิดขึ้นจากโรคนี้คือ ร่างกายอ่อนแรง พบในกลุ่มวับรุ่นเป็นโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่สามารถขาดการณ์ได้ ผู้ป่วยโรคนี้จะรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมส่วนต่างๆของร่างกายได้ เนื่องจากการทำงานของเส้นประสาทจากสมองส่วนต่างๆได้เสียไป สาเหตุเกิดจากปลอกหุ้มเส้นประสาท (Myelin) ภายในส่วนกลางได้รับความเสียหายหรือถูกทำลาย
                 
           สาเหตุของ MS ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของ ms แม้นำเอาทฤษฎีต่างๆมาอธิบายก็ตาม msเป็นโรคของภูมิคุ้มกันต้านตนเอง (autoimmune disease) เกิด ขึ้นเนื่องจากร่างกายไม่อาจแยกแยะถึงความแตกต่างระหว่างเซลล์ร่องกายกับสิ่ง แปลกปลอม ทำให้เกิดการทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อของตนเองขึ้น ในผู้ป่วยms เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆจะไปทำลายปลอกหุ้มประสาทรวมทั้งเส้นประสาทด้วย
        
           ความรุนแรงของโรคMS ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายที่เกิดจากสมองหรือไขสันหลัง แม้ว่าเซลล์ของระบบประสาทส่วนกลางจะซ่อมแซมและทดแทนความเสียหายของปลอกหุ้มเส้นประสาทได้บ้าง หลังจากเกิดอาการของโรคms แต่ละครั้ง แต่มีขีดจำกัดและยังคงเหลือร่องรอยแผลเป็นไว้ตรงบริเวณปลอกหุ้มประสาทนั้น ทำให้ประสิทธิภาพในการนำสัญญาณของเส้นประสาทลดลง ยิ่งแผลเป็นเพิ่มขึ้นจะทำให้อาการของโรคเกิดขึ้นแบบถาวรยิ่งขึ้น เมื่อมีการสูญเสียถึงระดับหนึ่ง สมองจะไม่สามารถชดเชยได้ทำให้ผู้ป่วยโรคms มีการเคลื่อนไหวและการประสานงานเสียไป
             
            โรคms ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นโรคของระบบของประสาทที่พบในกลุ่มวัยรุ่น ประชากรทั่วโลกประมาณ 1.2ล้านคน ที่ป่วยเป็นโรคนี้ โดยเป็นประชากรในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ มักมีอาการเมื่ออายุ 31-33ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2เท่า พบได้ยากในเด็ก หรือคนชรา โรคms ไม่ถือว่าเป็นโรคทางพันธุกรรม แต่อุบัติการณ์ของโรคนี้พบสูงในครอบครัวเดียวกัน โดยเฉพาะฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน จึงอาจเป็นไปได้ว่าในบางคน ปัจจัยทางพันธุกรรมอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
           
            อาการของโรคMS อาการมีตั้งแต่ระดับอ่อนจนถึงระดับรุนแรง แต่ละคนมีอาการไม่เหมือนกัน แม่แต่คนๆเดียวกันอาจมีอาการต่างกันในแต่ละช่วงเวลา อาการของโรคอาจหายเองได้ หรือคงอยู่ตลอดไปอาการของโรคมีหลายอย่าง ผู้ป่วยส่วนมากมีอาการยังคงอยู่เป็นเวลาประมาณ 3-4สัปดาห์ จากนั้นจึงค่อยๆทุเลาลง โดยใช้เวลาประมาณเดือน  อาการของโรค Ms ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดรอยโรคขึ้น เช่น หากเกิดที่เส้นประสาทตาจะส่งผลต่อการมองเห็นหากเกิดที่ไขสันหลัง หรือสมอง อาจมองเห็นภาพซ้อน มีอาการชาครึ่งตัว แขนขาไม่มีแรง เหน็บชา ปวด หรือปัสสาวะไม่ออก ทั้งนี้หากเป็นมากอาจสูญเสียการเคลื่อนไหวของร่างกาย จนอาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต และเสียชีวิตได้

อาการที่พบบ่อยในระยะแรกของโรคนี้ คือ
- มีความผิดปกติที่บริเวณแขนขา เช่น เป็นเหน็บชา คัน หรือปวด
- เดินหรือทรงตัวผิดปกติ เช่น หกล้มง่าย เดินหรือขึ้นบันไดลำบาก
- สูญเสียการมองเห็นของตาข้างใดข้างหนึ่ง
- มองเห็นภาพซ้อน
- แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งไม่มีแรง

อาการที่พบบ่อยขึ้นในระยะต่อมา คือ
 - สูญเสียการรับความรู้สึก (ชา)
- ไม่มีแรง
- อ่อนเปลี้ย
- การขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
- มีปัญหาทางเพศสัมพันธ์
- สูญเสียการเคลื่อนไหว และการประสานงานของร่างกาย
- กล้ามเนื้อเกร็ง
- การทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับความรู้และความเข้าในเสียไป
- นอกจากนี้ อาการปวดและซึมเศร้ามักเกิดร่วมกับเอ็มเอสด้วย
 
โรคเอ็มเอสรุดหน้ารวดเร็วเพียงใด
ระยะเวลาของโรคเอ็มเอสไม่อาจจะคาดการณ์ได้พอที่จะจำแนกโรคตามรูปแบบและความถี่ของอาการได้ดังนี้
1.      โรคเอ็มเอสชนิดที่เป็นๆหาย ๆ (Relapsing – Remitting MS หรือ RRMS)
2.      โรคเอ็มเอสแบบที่อาการค่อยรุดหน้าในภายหลัง (Secondary Progressive MS หรือ SPMS)
3.      โรคเอ็มเอสแบบที่มีอาการค่อยๆรุดหน้าตั้งแต่เริ่ม (Primary Progressive MS หรือ PPMS)
4.       โรคเอ็มเอสระยะเริ่มแรก (Benign MS)

การรักษาโรค Multiple Sclerosis
1.รักษาการกลับมาเป็นโรคซ้ำชนิดที่เกิดแบบเฉียบพลัน
2.รักษาตามอาการ ใช้ยาตามความจำเป็น ได้แก่ ยาต้านไวรัส เช่น อะแมนทาดีน และพีโลมีน
3.รักษาอาการรุดหน้าของโรค เพื่อควบคุมการกลับมามีอาการของโรคซ้ำอีก







บทสัมภาษณ์

         คุณหมอชลธิชา ประสาทสกุลชัย กล่าว ว่าโรค Multiple Solerosis เป็นโรคที่ยังไม่พบสาเหตุที่แท้จริง ทราบแต่ว่าเป็นเชื้อไวรัส และการทำงานของภูมิคุ้มกันบกพร่องจึงทำให้ภูมิคุ้มกันต้านเม็ดเลือดขาวและ รับไวรัสเข้ามาแทน คุณหมอเรียกว่า ภูมิคุ้มกันบกพร่อง พบในกลุ่มวัยรุ่น อาการนี้อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการ เวียนศรีษะ แขนขาอ่อนแรง มีอาการชาตามตัว การขับถ่ายผิกปกติ ผู้ป่วยบางคนมีอาการโรคซึมเศร้า การรักษาทำได้เพียง สแกนสมองด้วยเครื่อง MRI,ยาสเตรอย และการรักษาตามอาการเท่านั้น โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ โรคMS ไม่สามารถหายขาดได้






อ้างอิง: http://www.thaims.com/about ms03. htm
         
จากประสบการณ์ : นส.ณัฐติกาล งามจรัสศรีวิชัย
         
จากบทสัมภาษณ์: คุณหมอชลธิชา ประสามสกุลชัย




  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น